Fauvism
ศิลปะลัทธิโฟวิสม์
- หมายถึง ลัทธิสัตว์ป่า
- ผลงานลัทธิโฟวิสม์ใช้สีสันโฉ่งฉ่าง แสดงถึงความเป็นปฏิปักษ์กันอย่างเห็นได้ชัด
ศิลปินลัทธิโฟวิสม์
มาทีสส์ ( Matisse Henri )
- อายุ 22 ปี เรียนศิลปะฆ่าเวลา / เบื่อหน่ายตอนป่วย
- งานสำคัญคือ ภาพเปลือยกับลวดลายเบื้องหลัง และ ห้องสีแดง
ตัวอย่างผลงานของมาทีสส์
"Seated Riffian"
"The dessert harmony in red"
Expressionism
ศิลปะลัทธิเอ็กเพรสชันนิสม์
- หมายถึง การแสดงออกทางศิลปะที่ตัดทอนรูปทรงและสีสันอย่างเสรีที่สุดตามแรงปรารถนา
- ศิลปะเอ็กเพรสชันนิสม์ที่สำคัญมี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มสะพานและกลุ่มม้าสีน้ำเงิน
กลุ่มสะพาน
- เป็นการรวมตัวของศิลปินวัยหนุ่มอายุ 20-30 ปี
- สะท้อนความสับสน ความอัปลักษณ์ของสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และศาสนา ความสกปรกของสังคม ความเหลวแหลก โสมม หลอกลวง
- ใช้สีที่รุนแรง
- สลายตัว ค.ศ.1913 จากปัญหาวิกฤตสังคมและสงครามโลกครั้งที่ 1
แนวทางการสร้างสรรค์งานของกลุ่มสะพาน
- กลุ่มสะพานสะท้อนเรื่องราวทางศาสนาด้วยความรู้สึกโหดร้าย น่าขยะแขยง น่าเกลียด แสดงความรัก กามารมณ์และความตาย เตือนให้สังคมตระหนักในความไม่แน่นอน
- ภาพส่วนใหญ่เน้นแสดงออกทางจิตวิทยามากกว่าความจริง
กลุ่มม้าสีน้ำเงิน
- เริ่มเคลื่อนไหว ค.ศ.1911 ที่มิวนิค
- แกนนำคือ วาสิลี แคนดินสกี กับ ฟรอนซ์ มาร์ค
- ศิลปินต่างชาติที่เข้าร่วม ได้แก่ ชาวรัสเซียน สวิส อเมริกัน ฯลฯ
- ชื่อลัทธิมาจากความนิยมในการเขียนรูปม้า โดยใช้สีน้ำเงินเป็นหลัก
- สลายตัว ค.ศ.1914
แนวทางการสร้างสรรค์งานของกลุ่มม้าสีน้ำเงิน
- ผ่อนคลายการกระแทกความรู้สึกของผู้ชมจากความรู้สึกน่าขยะแขยง
- ได้รับอิทธิพลของโกแกงมากกว่าแวนโก๊ะ
- เป็นการแสดงออกทางอารมณ์แบบรุนแรงที่แฝงความสนุกสนาน
- ใช้สี เส้นและการแสดงลีลาคล้ายดนตรี
ผลงานของ Emil Nolde
"Adam and Eve Banished from Paradise"
"Stormy sea"
ศิลปินลัทธิเอ็กเพรสชันนิสม์
เอ็ดวาร์ด มูงค์ ( Edvard Munch )
- เป็นผู้นำและผู้ให้อิทธิพลแก่ศิลปินกลุ่มเอ็กเพรสชันนิสม์ เกิดวันที่ 12 ธันวาคม 1863 ทางภาคใต้ของนอร์เวย์
- เป็นเด็กขี้โรค เจ็บออดๆแอดๆ
- เรื่องราวของความเจ็บป่วย และความตาย ปรากฏอย่างมากในผลงานของเขา
- ผลงานที่มีชื่อเสียงของมูงค์คือ ภาพเสียงร้องไห้ ( The Cry ) ซึ่งเขียนในปี ค.ศ.1893
ตัวอย่างผลงานของเอ็ดวาร์ด
"The Scream"
"The Murderess"
Cubism
ศิลปะลัทธิคิวบิสม์
- ลัทธิคิวบิสม์ได้แนวคิด และอิทธิพลการถ่ายทอดสิ่งแวดล้อมผ่านการสร้างเป็นรูปทรงที่เรียบง่าย
- แทนค่ารูปทรงด้วยแสงสีอันระยิบระยับ ให้บรรยากาศตามช่วงเวลานั้นๆ
- นักประวัติศาสตร์ศิลปะและนักวิจารณ์ศิลปะบางคนเรียกผลงานคิวบิสม์ระยะแรกว่า "ศิลปะแบบเซซานน์" หรือ "Cezannesque"
แนวทางการสร้างสรรค์งานของศิลปะลัทธิคิวบิสม์
- ตัดทอน ย่อส่วน เพิ่มเติม และตกแต่งรูปทรงของวัตถุ ถือหลักการเพิ่มส่วนประกอบ เพื่อให้ผลงานสมบูรณ์
- คำนึงถึงรูปทรงเปิดและปิด โดยพิจารณาความสัมพันธ์ของพื้นที่ว่างในส่วนรูปทรงและพื้นผิว
- คำนึงถึงความตื้นลึกด้วยรูปทรง ขนาด การทับซ้อนกัน การบังคับและทำให้โปร่งใสคล้ายภาพเอ็กซเรย์
- เปิดโอกาสให้ผู้ดูมีเสรีภาพในการใช้ปัญญาพินิจพิจารณาด้วยตนเอง
- คำนึงถึงความกลมกลืนของทัศนธาตุ ( เส้น สี แสงเงา รูปร่าง ลักษณะผิว )
- คำนึงถึงส่วนย่อยและส่วนรวมพร้อมกัน เพื่อให้เกิดความกลมกลืน
- นำเอาวัสดุจริงมาปะติดกัน เพื่อให้เกิดความรู้สึกสัมผัส จนเกิดเป็นวิธีการสร้างงานศิลปะที่เรียกว่า ศิลปะตัดแปะ ( Collage) หรือ The art assemblage
ศิลปินลัทธิคิวบิสม์
ปาโบล ปิคัสโซ ( Pablo Picasso )
- เกิดที่สเปน ใน ค.ศ. 1881 บิดาเป็นจิตรกร
- ศึกษาศิลปะครั้งแรกที่เมืองบาร์เซโลนาและเดินทางไปอยู่กรุงปารีส ค.ศ.1900
- เสียชีวิต ค.ศ.1973
- ปิคัสโซเป็นศิลปินหัวก้าวหน้า
- ใช้สีวรรณะเย็นดูเศร้าหมองแบบยุคม้าสีน้ำเงิน สะท้อนชีวิตที่ลำบากของเขา
- ในปี ค.ศ.1905 ปิคัสโซพัฒนาผลงานสู่การใช้สีที่สดใสร้อนแรงง
- ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดชิ้นหนึ่งคือ ภาพเกอนีแค ( Quernica ) ค.ศ.1937 เพื่อแสดงการสนับสนุนรัฐบาลระบอบสาธารณรัฐของสเปน
ตัวอย่างผลงานของปิคัสโซ
"The Weeping Woman"
"Guernica"
จอร์จ บราค
- เกิดที่เมืองเลออาร์ฟ ใกล้กรุงปารีส
- ในวงการศิลปะร่วมสมัย บราคเป็นศิลปินสำคัญของลัทธิคิวบิสม์เท่าเทียมปิคัสโซ
- เสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ.1963
- ผลงานชิ้นสำคัญ อาทิ บ้านที่เลสตัค อยู่ที่พิพิธภัณฑ์กรุงเบอร์น โต๊ะนักดนตรี แท่นสีดำและรูปปั้นหัวม้า อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่กรุงปารีส
ตัวอย่างผลงานจอร์จ
"Landscape at La Ciotat"
"Harbor at Estaque"
Abstractionism
ศิลปะลัทธินามธรรม
- ให้ความสำคัญเรื่องรูปแบบศิลปะหรือปรากฏการณ์ อันเกิดจากการผสานรวมตัวกันของทัศนธาตุ ( เส้น สี แสงเงา รูปร่าง ลักษณะผิว )
- ไม่คำนึงถึงเนื้อหาศิลปะ
- ศิลปะนามธรรมจำแนกออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ศิลปะนามธรรมแบบโรแมนติก และ ศิลปะนามธรรมแบบคลาสสิค
ศิลปะนามธรรมแบบโรแมนติก
- สร้างงานที่แสดงอารมณ์ความรู้สึกอย่างเสรี
- ศิลปินอาจมีพื้นฐานทางอารมณ์มาจากความรัก ความเศร้า ความห้าวหาญ ฯลฯ แล้วแสดงออกทันที
ศิลปะนามธรรมแบบคลาสสิค
- สร้างงานที่ผ่านการคิดไตร่ตรอง การวางแผนอย่างมีระบบ มีกฎเกณฑ์
- ใช้รูปทรงเรขาคณิตควบคุม ศิลปินกลุ่มนี้มี มงเดรียน ( Mondrian ) เป็นผู้นำ
- ให้อิทธิพลต่อ Abstract แบบขอบคม ( Op Art ) ในอเมริกา
ศิลปินลัทธินามธรรม
แจคสัน พอลลอค ( Jackson Pollock )
- ได้รับฉายาว่าเป็น จิตรกรแบบ Action Painting
- สร้างงานจิตรกรรมโดยการสาด สลัด ราดหรือเหวี่ยง ลงบนพื้นเฟรมด้วยลีลาท่าทางที่ว่องไว
ตัวอย่างผลงานแจคสัน
"She Wolf"
"Shimmer"
Futurism
ศิลปะลัทธิฟิวเจอริสม์
- ศิลปินอิตาลี มีความเห็นขัดแย้งกับแนวทางศิลปะเชิงขนบนิยมในประเทศของตนอย่างรุนแรง เริ่มต้นเคลื่อนไหวปี ค.ศ.1909
- คำประกาศที่รุนแรงทางศิลปะได้แก่ Burn the Museum , Drain the Canal of Vanice , Let's Kill the Moonlight
แนวทางการสร้างสรรค์ผลงานของลัทธิฟิวเจอริสม์
- มุ่งแสดงความรู้ เคลื่อนไหวจากบริบทของสังคมยุคเครื่องจักรกล
- ต้องการแสดงออกถึงลักษณะของสังคมยุคใหม่
- เห็นความงามของเครื่องจักรที่รวดเร็วและมีพลัง
- ศิลปินมักจะใช้เนื้อหาของงานที่เกี่ยวกับความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน บุคคล สัตว์ หรือวัตถุที่มีการเคลื่อนไหว เช่น วงล้อรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และแสงสี
ศิลปินลัทธิฟิวเจอริสม์
บอคโซนี ( Boccioni )
- เป็นจิตรกรและประติมากร เกิดที่เมืองเรคจิโอ แคว้นคาลาเบรีย อิตาลี
- ผลงานที่สำคัญคือ ภาพเมืองเติบโต
ตัวอย่างผลงานของบอคโซนี
"The City Rises"
"Dynamism of a Biker"
จิอาโคโม บอลลา ( Chiacomo Balla )
แหล่งอ้างอิง : เอกสารประกอบการสอน เรื่องศิลปะตะวันตก
ยุคหลังลัทธิอิมเพรสชันนิสม์ถึงสงครามโลกครั้งที่ 1
อาจารย์พิทยะ ศรีวัฒนสาร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น