วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Baroque


          Baroque  หมายถึง  ไข่มุกที่มีสันฐานบิดเบี้ยว ไม่สมส่วน ความหรูหราอลังการ  หรือฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น

ศิลปะแบบบารอค
                   เป็นศิลปะที่พัฒนามาจากศิลปะแบบเรเนสซองส์  ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17-18 มีลักษณะเฉพาะ  คือ  การแสดงออกถึงความมีอิสรภาพของมนุษย์ตามแนวคิดมนุษยนิยม                    ( Humanism )  ผลงานที่ปรากฏมักแสดงถึงลักษณะแน่นอนตายตัวของศิลปิน
                   ศิลปะแบบบารอค  เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐต่างๆในยุโรปมีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจและมีความมั่งคั่งทางทางการเมือง  เป็นผลให้พระราชวงศ์  ขุนนาง  และพ่อค้า  มีความพร้อมที่จะอุปถัมภ์การสร้างสรรค์ผลงานของศิลปินแขนงต่างๆได้อย่างเต็มที่
                  ศิลปะในรูปแบบบารอค  เป็นไปเพื่อแสดงให้เห็นถึงความหรูหรามั่งคั่งทางวัตถุ และเป็นเครื่องแสดงฐานะทางสังคมในยุคสมัยนั้น ซึ่งนับได้ว่าเป็นช่วงระยะเวลาที่มีช่องว่างทางสังคมและเศรษฐกิจระหว่างชนชั้นมากที่สุด
        
จิตรกรรม  ประติมากรรม
              ส่วนใหญ่ยังคงรับรูปแบบและเทคนิคจากสมัยเรเนสซองส์  แต่ได้พัฒนาฝีมือและเทคนิคการผสมสีที่วิจิตรงดงามยิ่งขึ้น  นิยมใช้สีฉูดฉาด  ภาพวาดมักปรากฏตามวัด  วัง  และคฤหาสน์ของชนชั้นกลางผู้มั่งคั่ง  แสดงชีวิตความเป็นอยู่ที่หรูหราสุขสบายของเจ้านาย
                         เริ่มหลุดพ้นจากการครอบงำทางความคิดจากศาสนาคริสต์  ซึ่งเป็นผลมาจากการปฏิรูปศาสนาในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 ทำให้ผู้คนหลุดพ้นจากกรอบความคิด  และแนวความคิดทางศาสนา  หันมาสนใจเรื่องนอกศาสนามากยิ่งขึ้น  ดังจะเห็นได้จากความนิยมในการนำเอา  เทวปกรณัมกรีก-โรมัน  ซึ่งเคยถือว่าเป็นเรื่องนอกรีต ( Heretic ) มาศึกษาและนำมาใช้เป็นพื้นฐานของการสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะกันอย่างกว้างขวาง


สถาปัตยกรรม
                    แสดงออกถึงความใหญ่โตหรูหรา  และการประดับประดาที่ฟุ่มเฟือย  โดยนำเอาความรู้ทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์มาใช้ในการก่อสร้างมากขึ้น  ผลงานชิ้นสำคัญของศิลปะแบบบารอค  คือ  พระราชวังแวร์ซายส์ ( Versailles ) ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส  



                    พระราชวังแวร์ซายส์แสดงออกถึงความมั่งคั่ง  โอ่อ่า  หรูหรา  ขนาดของสิ่งก่อสร้างก็มักจะออกแบบให้มีลักษณะเช่นเดียวกัน  คือ  ให้มีขนาดกว้างขวาง  เพดานสูงโปร่ง  และประดับลวดลายปูนปั้นวิจิตรบรรจง  ประดับด้วยศิลปวัตถุที่ล้ำค่า  เช่น  ภาพวาดสีน้ำมันประดับกรอบสีทอง  เครื่องกระเบื้องเคลือบประดับด้วยทองคำ  หรือเครื่องแก้วเจียระไนประดับด้วยทองคำ   

          

                    นอกจากนั้นแล้วยังมีการแต่งเติมลวดลายต่างๆนานาให้แลดูวิจิตรอลังการ  โดยลวดลายที่ใช้ส่วนใหญ่คือ  ลายใบไม้  ดอกไม้  ช่อดอกไม้  เส้นสายที่ใช้  ส่วนมากจะใช้เส้นโค้งที่อ่อนช้อย  แต่จะใช้การจัดวางให้มีลักษณะสมมาตร  มีการใช้ลวดลายประดับประดาจนดูหนา  และรกเกินความจำเป็น  สีที่ใช้ประดับตกแต่งมักจะเป็นสีทอง  เพื่อตัดกับสีอื่นๆ  เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่ง  โอ่อ่า  หรูหรา



ดนตรี
                    มีการพัฒนาไปมากทั้งการร้องและบรรเลงเครื่องดนตรี  ขนาดของวงดนตรีขยายใหญ่  จากแบบ Chamber Music ที่ใช้ผู้เล่นไม่กี่คน  มาเป็นแบบ Orchestra ที่ใช้ผู้เล่นและเครื่องดนตรีจำนวนมาก  มีการแต่งเพลงและใช้โน๊ตเพลง  และเปิดการแสดงดนตรีในห้องโถงใหญ่ๆ  นักดนตรีสำคัญ  คือ  โยฮันน์  เซบาสเตียน  บาค ( Johann Sebastian Bach ) ชาวเยอรมัน  ซึ่งแต่งเพลงทางด้านศาสนาเป็นส่วนใหญ่ 
                   ลักษณะสำคัญอีกอย่างของดนตรีสมัยบารอคคือ  การทำให้เกิด "ความตัดกัน"                     ( Contrasting ) เช่น  ในด้านความเร็ว-ความช้า  ความดัง-ความเบา  เปี่ยมไปด้วยความหรูหรา  โอ่อ่า  สง่างาม  อลังการ  และวิจิตรบรรจงในรายละเอียดมาก


วรรณกรรม
                  ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 ได้ชื่อว่าเป็นยุคทองแห่งวรรณกรรมยุโรป  มีผลงานชิ้นเอกของนักประพันธ์ชาวอังกฤษและฝรั่งเศสเกิดขึ้นมากมาย  ที่เด่นๆคือ  งานเขียนทางปรัชญาการเมืองของ จอห์น  ลอค ( John Locke ) และผลงานของนักเขียนบทละครเสียดสีสังคมชั้นสูง  ชื่อ  โมลิแอร์            ( Moliere ) เป็นต้น







แหล่งอ้างอิง : http://th.wikipedia.org/wiki/บารอก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น